tag:blogger.com,1999:blog-13812317009640574022024-03-08T13:04:32.626-08:00เอกดนตรีAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/15251603217877393690noreply@blogger.comBlogger2125tag:blogger.com,1999:blog-1381231700964057402.post-58791700427609372392013-09-21T20:27:00.002-07:002013-09-30T17:30:15.255-07:00การฝึกตีระนาดเอก<br />
<span style="font-family: Times, Times New Roman, serif;"><b><span lang="TH">การฝึกระนาดเอกขั้นพื้นฐาน</span></b>
</span><br />
<div class="MsoNormal" style="mso-margin-bottom-alt: auto; mso-margin-top-alt: auto;">
<span style="font-family: Times, Times New Roman, serif;"><b><span lang="TH">การตีฉาก</span></b><br />
<span lang="TH">มีวิธีตีระนาดเอกขั้นพื้นฐานที่สำคัญวิธีหนึ่งเรียกว่า
</span><b>"</b><b><span lang="TH">การตีเก็บ"</span></b><span lang="TH"> เป็นวิธีตีซึ่งใช้อยู่เสมอในการบรรเลงระนาดเอก
การตีเก็บคือการตีไม้<br />ระนาดในมือทั้งสองข้างลงไปกระทบลูกระนาด </span>2 <span lang="TH">ลูกพร้อมกัน โดยตีลงบนลูกระนาดซึ่งมีเสียงตัวโน้ตเดียวกันแต่อยู่ห่างกันคน
ละระดับเสียงเช่น<br />เสียง ซอล (ต่ำ) กับเสียง ซอล (สูง) และเนื่องจากตำแหน่งของคู่เสียงดังกล่าวอยู่ห่างกันแปดลูกจึงเรียกวิธีตีแบบนี้ว่า
</span><b>"</b><b><span lang="TH">ตีคู่แปด"</span></b></span><span style="font-family: Tahoma;"><span style="font-family: Tahoma; font-size: x-small;"> </span></span></div>
<div align="center" class="MsoNormal" style="font-family: Arial,Helvetica,sans-serif; text-align: center;">
<span style="font-size: small;"><img height="130" src="http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/sakaew/sornchai_p/ranad/picture/101.jpg" width="471" /></span></div>
<div class="MsoNormal" style="mso-margin-bottom-alt: auto; mso-margin-top-alt: auto;">
<span lang="TH"><span style="font-family: Tahoma; font-size: x-small;"> </span><span style="font-family: Times, Times New Roman, serif;">การที่จะตีเก็บคู่แปดให้ได้เสียงระนาดเอกที่ไพเราะน่าฟังนั้นมีพื้นฐานสำคัญมาจากการฝึกตีระนาดที่เรียกกันว่า</span></span><span style="font-family: Times, Times New Roman, serif;"><b>
"</b><b><span lang="TH">ตีฉาก"</span></b><span lang="TH"> คือการกำหนดรู้<br />การใช้กำลังกล้ามเนื้อแขนเพื่อให้ได้เสียงระนาดที่ดังเท่ากันทั้งสองมือ
ผู้ที่เรียนระนาดเอกทุกคนจะต้องฝึกการตีฉากเพื่อปรับน้ำหนักมือทั้งสอง<br />ข้างให้เสมอกันเสียงระนาดเอกจึงจะคมชัดเจน</span><br />
<span lang="TH">ลักษณะการตีฉากคือ มือทั้งสองข้างจับไม้ระนาดเอกในลักษณะการจับแบบปากกา
ระยะห่างจากหัวไม้ประมาณ </span>8
<span lang="TH">นิ้ว โดยใช้นิ้วกลาง</span>,
<span lang="TH">นิ้วนาง และ นิ้วก้อย จับก้านไม้ระนาดให้แน่น แขนและไม้ตีอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน
วางหัวไม้ระนาดเอกไว้ตรงกลางของลูกระนาด จากนั้นยกไม้ตีระนาดขึ้นช้าๆให้สูงจากผืนระนาดประมาณ
</span>1 <span lang="TH">ฟุต แล้วตีหรือทุบลงบนลูกระนาดอย่างรวดเร็ว โดยการเกร็งกล้ามเนื้อแขนและข้อมือให้ไม้ตีและ<br />ท่อนแขนอยู่ในแนวเดียวกัน
หัวไม้ตีจะต้องสัมผัสลูกระนาดเต็มหน้าไม้และตั้งฉากกับผิวหน้าของลูกระนาด การตีฉากแต่ละครั้ง
น้ำหนักของทั้ง<br />สองมือที่ตีลงไปต้องเท่ากัน เพื่อให้เสียงที่เกิดจากการตีมีคุณภาพ
เสียงต้องโปร่งใส เวลาตีต้องใช้กำลังประคองไม้ระนาดในการยกขึ้นให้สูงเท่า<br />กัน และใช้น้ำหนักมือในการตีโดยให้หัวไม้ระนาดทั้งสองสัมผัสกับผิวลูกระนาดพร้อมกัน
และรีบยกหัวไม้ระนาดขึ้นระดับสูงสุดทันทีโดยใช้ข้อ<br />ศอกเป็นจุดหมุน ซึ่งจะทำให้ข้อมือและแขนไม่มีการขยับหรืองอและยังคงเป็นแนวเส้นตรงเดียวกัน</span></span><br />
<br />
<span style="font-family: Tahoma; font-size: 10.0pt;"><span lang="TH"><span style="font-family: Tahoma; font-size: x-small;"><a href="http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/sakaew/sornchai_p/ranad/sec04p04.html" target="_blank">อ่านเพิ่มเติม </a></span></span></span></div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/15251603217877393690noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1381231700964057402.post-30856504346310225972013-07-25T02:41:00.002-07:002013-07-25T02:41:47.776-07:00<br />
ประวัติดนตรี<br />
<br />
เครื่องดนตรีไทยเกิดจากชนชาติไทยเองและการเลียนแบบชนชาติอื่นๆ ที่อยุ่ใกล้ชิดโดยเริ่มตั้งแต่สมัยโบราณที่ไทยตั้งถิ่นฐานอยู่ในอาณาจักรฉ่องหวู่ดินแดนของประเทศจีนในปัจจุบัน ทำให้เครื่องดนตรีไทยและจีนมีการแลกเปลี่ยนเลียนแบบกัน นอกจากนี่ยังมีเครื่องดนตรีอีกหลายชนิด ที่ชนชาติไทยประดิษฐ์ขึ้นใช้ก่อนที่จะมาพบวัฒธรรมอินเดีย ซึ่งแพร่หลายอยู่ทางตอนใต้ของแหลมอินโดจีน สำหรับชื่อเครื่องดนตรีดั้งเดิมของไทยจะเรียนตามคำโดดในภาษาไทย เช่น เกราะ โกร่ง กรับ ฉิ่ง ฉาบ ขลุ่ย พิณเปี๊ยะ ซอ ฆ้องและกลอง ต่อมาได้มีการประดิษฐ์เครื่องดนตรีให้พัฒนาขึ้น โดยนำไม้ที่ทำเหมือนกรับหลายอันมาวางเรียงกันได้เครื่องดนตรีใหม่ เรียกว่าระนาดหรือนำฆ้องหลาย ๆ ใบมาทำเป็นวงเรียกว่า ฆ้องวง เป็นต้น<br />
นอกจากนี้ยังมีการผสมผสานกับวัฒนธรรมทางดนตรีของอินเดีย มอญ เขมร ในแหลมอินโดจีนที่ไทยได้ย้ายไปตั้งถิ่นฐานอยู่ ได้แก่ พิณ สังข์ ปี่ไฉน บัณเฑาะว์ กระจับปี่ จะเข้ โทน(ทับ) เป็นต้น ต่อมาเมื่อมีความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น ไทยได้นำบทเพลงและเครื่องดนตรีบางอย่างของประเทศเพื่อนบ้านมาบรรเลงในวงดนตรีไทย เช่น กลองแขกของชวา กลองมลายูของมลายู เปิงมางของมอญ และกลองยาวของไทยใหญ่ที่พม่านำมาใช้ รวมทั้งขิม ม้าล่อ และกลองจีน ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีของจีน เป็นต้น ต่อมาไทยมีความสัมพันธ์ชาวกับตะวันตกและอเมริกา ก็ได้นำกลองฝรั่ง เช่นกลองอเมริกัน และเครื่องดนตรีอื่น ๆ เช่น ไวโอลีน ออร์แกน มาใช้บรรเลงในวงดนตรีของไทย<br />
จากประวัติเครื่องดนตรีไทยดังกล่าว สามารถแบ่งประวัติศาสตร์ของเครื่องดนตรีไทยได้เป็น 4 สมัย ดังนี้<br />
<br />
<a href="http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2">อ่านเพิ่มเติม</a>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/15251603217877393690noreply@blogger.com0